วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

Russian Blue


ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก แต่เชื่อกันว่าเป็นแมวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศรัสเซียทางตอนเหนือ เป็นแมวที่มีขนสองชั้นดูเผินๆคล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue และยังเชื่อกันอีกว่า เป็นแมวที่ติดมากับเรือของกลาสีจากประเทศรัสเซียมายังอังกฤษและยุโรปตอนเหนือในปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria

แมวพันธุ์นี้ปรากฏตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด

Russian Blue มีนิสัยสุภาพอ่อนโยน เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น แต่ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่นสามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ

Russian Blue ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบ้านแบบสมัยใหม่ เพราะไม่ต้องการการดูแลมากนัก เพียงแค่แปรงขนนานๆครั้งก็พอ อีกทั้งยังน่ารัก ขี้อ้อน มีหน้าตาที่ดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนได้รับฉายาว่า แมวยิ้ม เจ้าของจะต้องชื่นชมกับความน่ารักของพวกมันอย่างแน่นอน

British Shorthair


ต้นกำเนิดดั้งเดิมเชื่อกันว่าเป็นแมวท้องถิ่นของอังกฤษ นิสัยเรียบร้อย ขี้อ้อน ไม่ค่อยโวยวายเสียงดัง รูปร่างขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หัวกลมโต ตาโต จมูกสั้น แต่ไม่สั้นแบบ Persian ขนสั้นแน่น ขายาวปานกลางถึงสั้น อุ้งเท้ากลม หางยาวปานกลาง โคนหางหนา ปลายหางกลมมน สีมีหลายสี แต่สีที่นิยมคือสีเทาเข้ม (Blue)


ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์นี้เริ่มในศตวรรษที่ 19 แมวเป็นที่นิยมในอังกฤษมาก แม้แต่ราชินี Victoria ก็ยังทรงเลี้ยงแมว Persian ไว้ 2 ตัว จนกระทั่งได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ Exotic ขึ้น แต่ก็ยังไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์แมวในอังกฤษมากนัก จนกระทั่งปี ค.ศ. 1871 แมว British Shorthair ได้รากฎตัวขึ้นที่งานประกวดในเมือง Crystal Palace จนถึงปี ค.ศ. 1901 แมวขนสั้นก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มมีจำนวนลดลงเป็นอันมาก จนนักผสมพันธุ์พยายามที่จะผสมแมวข้ามสายพันธุ์กับ Persian เพื่อให้ได้แมวลักษณะเช่นเดียวกับแมวพันธุ์นี้ จนสมาคมของประเทศสหรัฐอเมริกาลังเลที่จะรับรองสายพันธุ์ เพราะเป็นแมวที่สืบเชื้อสายมาจาก Persian แต่ก็ได้มีการรับรองในที่สุดในปี ค.ศ. 1980ถึงแม้แมวพันธุ์นี้จะจัดว่าเป็นแมวขนสั้น แต่ก็มีขนที่หนาแน่น เจ้าของควรแปรงขนให้ 2 - 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนหลุดร่วงติดตามเครื่องเรือน

Exotic


สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างในการดูแลทำความสะอาดขนของแมว Persian แมว Exotic นี้ถือได้ว่าเป็นแมวที่เหมาะสมที่สุด แมวพันธุ์นี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะทุกอย่างเหมือนกับแมว Persian ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหัวกลมกะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กน้อย ยกเว้นอยู่หนึ่งอย่างที่เป็นสิ่งที่พิเศษสุด ก็คือ ขนที่หนา แน่น นุ่มสั้นคล้ายกับกำมะหยี่ ขนของแมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะเฉพาะซึ่งทำให้แมวพันธุ์นี้ดูมีขนที่นุ่ม กลมมน ขนอันสวยงามของแมวพันธุ์นี้ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแมวเปอร์เซียโดยทั่วๆไป โดยที่ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือพันกันยุ่งเหยิง


Exotic เกิดจากแมว Persian ผสมพันธุ์กับแมวAmerican Shorthair ทำให้ได้แมวพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะผสมพันธุ์ของทั้งสองสายพันธุ์ และมีสีมากมาย


จริงๆแล้วแมวพันธุ์ Persian และ Exotic แทบไม่มีความแตกต่างกันเลยในเรื่องของอุปนิสัย และอารมณ์ แมว Exotic เป็นแมวที่เงียบ อดทน เราแทบไม่ได้ยินเสียงร้องของแมวพันธุ์นี้เลย มันค่อนข้างจะ สงบ และซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ เป็นแมวที่ไม่ค่อยหงุดหงิด เมื่อมันต้องการความสนใจ มันก็แต่จะเพียงนั่งอยู่หน้าคุณ กระโดดมานั่งบนตัก บิดขี้เกียจ นอนพักผ่อน หรือไม่ก็เอาจมูกชื้นของมันมาแตะที่หน้าคุณ แมวบางตัวอาจจะชอบนั่งอยู่บนไหล่ และกอดคุณเวลาคุณเล่นด้วย เป็นแมวไม่ค่อยจะยุ่งยากที่จะมีไว้เลี้ยงไว้ในบ้าน มันให้ความเป็นส่วนตัวและไม่ค่อยจะเรียกร้องความสนใจเท่าใดนัก ก็เหมือนสัตว์เลี้ยงอื่นๆ โดยทั่วไป ที่ชอบเล่น สนุกที่จะกระโดด เพื่องับของเล่นหรือแท่งไม้

American Shorthair


หากท่านจะมองหาแมวที่จะนำมาเป็นเพื่อนที่ดีของเด็กๆ American Shorthair เป็นแมวพันธุ์ที่มีความเหมาะสมมาก แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้กันถึงความอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ดูดี มีลักษณะที่สงบและเข้ากันได้ดีกับเด็กๆหรือแม้แต่สุนัข American Shorthair เป็นแมวสายพันธุ์ของอเมริกา บรรพบุรุษมันมายังอเมริกาเหนือจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรก จากประวัตินั้นแสดงให้เห็นว่า Mayflower ได้นำแมวมาหลายตัวเพื่อที่จะนำมาจับหนูในเรือ ผ่านไปหลายศตวรรษ จากแมวทำงาน (จับหนู) ก็ได้มีการพัฒนาต่อไป จนกระทั่งมีการปรับตัวไปเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาเหนือ ความสวยและน่ารักของมันได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เช่นเดียวกับกับความสามารถในการจับหนูของมัน แมว tabby (ลายเสือ) American Shorthair เคยถูกเสนอขายในราคาถึงกว่า $2,500 ในงานประกวดแมวประจำปีครั้งที่สองที่ สวน Madison Square ในปี 1896 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แมวสายพันธุ์ต่างประเทศได้ถูกนำเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา (แมวขนยาวกับแมววิเชียรมาศ) เพื่อผสมกับแมวพื้นเมืองขนสั้น และได้ให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะขน ลำตัว สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป ใครก็ตามที่ต้องการรักษาแมวสายพันธุ์ American Shorthair ต้องมีตัวอย่างสายพันธุ์แมวที่บริสุทธิ์ และเริ่มที่ผสมกับแมวที่ได้รับการเลือก เพื่อจะรักษาลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ หน้าที่สวยงาม ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน และในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะรูปแบบและสีสันของ American Shorthair อย่างที่เป็นทุกวันนี้



จากดั้งเดิมที่เรารู้จักกันในแมวที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป (Domestic Shorthair) แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อเสียใหม่ว่า American Shorthair ในปี 1966 เพื่อให้เป็นตัวแทนของลักษณะแมวของอเมริกาและเพื่อให้แตกต่างจากแมวขนสั้นสายพันธุ์อื่นๆ ชื่อ American Shorthair เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นแมวขนสั้นพันธุ์ดั้งเดิมในอเมริกาเหนือ ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแมวที่หาได้ตามท้องถนนทั่วไป



ในบางครั้ง แมวขนสั้นที่ไม่มีเพดดีกรีหรือแมวที่มีการเลี้ยงทั่วไปตามบ้านอาจจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับ American Shorthair ซึ่งบางครั้งก็เหมือนกับ วิเชียรมาศ Persian หรือ Maine Coon อย่างไรก็ดีข้อแตกต่างของแมวที่มีเพดดีกรีก็คือมันจะสามารถให้ลูกแมวที่มีความเหมือนในลักษณะรูปร่าง สีขน และอุปนิสัย ในขณะที่แมวอื่นๆไม่สามารถกำหนดลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่แน่นอนได้ เป็นเวลาหลายปีๆ ของการเลือกสรรและระมัดระวังในการบันทึกและผสมพันธุ์แมวนั้น ทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกแมวในแต่ละครอกจะมีคุณภาพและลักษณะที่เฉพาะ



American Shorthair ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการประกวดแมวมีแมว American Shorthair จำนวนมาก ที่สามารถประสบความสำเร็จจนเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ รวมถึงแมวสองตัวที่ได้รับเลือกให้เป็น แมว CFA แห่งปีและอีกหนึ่งตัวที่ได้เป็นลูกแมว CFA แห่งปี American Shorthair มักจะได้รับเลือกให้เป็น Best in Show และในแต่ละปีเกินกว่าร้อยตัวที่ได้รับเลือกให้เป็น Grand Champions, Grand Premiers และ DM รวมไปถึง แมวในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ American Shorthair เป็นแมวที่ไม่ต้องมีการดูแลรักษาขนมากนัก แมวพันธุ์นี้ไม่ได้มีแค่ความน่ารัก มันยังมีสุขภาพที่แข็งแรง นิสัยดีเข้ากันง่ายกับทุกคน โดยปกติแมวตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าแมวตัวเมีย และเมื่อโตเต็มที่ จะมีน้ำหนักประมาณ 11 ถึง 15 ปอนด์ แมวเพศเมียที่โตเต็มที่จะมีน้ำหนัก 8 - 11 ปอนด์เมื่ออายุ 3 - 4 ปี American Shorthair สามารถที่มีอายุได้ถึง 15 ถึง 20 ปี โดยอาศัยแค่การเลี้ยงดูให้ความรักที่ดี มีการตรวจและฉีดวัคซีนประจำปี American Shorthair มีลักษณะสีขนและรูปร่างมากกว่าแปดสิบแบบ มีตั้งแต่ สีน้ำตาล striking tabby ไปจนถึง แมวสีขาวตาสีฟ้าสดใส หรือ shaded silvers สี smoke และสี camero รวมทั้งสี calico van และสีอื่นในระหว่างนี้ สีที่เป็น

Abyssinian


Abyssinian เป็นแมวที่สายพันธุ์เก่าแก่พันธุ์หนึ่งของโลก มีหลักฐานเกี่ยวกับแมวพันธุ์นี้อยู่ในประวัติศาสตร์มากมาย มีการค้นพบภาพเขียนและรูปปั้นของแมวพันธุ์นี้ในโบราณสถานของอียิปต์โบราณ เป็นภาพเหมือนของแมวที่มีรูปร่างดี ล่ำสัน มีช่วงคอเพรียวระหง ใบหูใหญ่และดวงตาสีเหลืองอมเขียวหรือสีน้ำตาลอ่อนเป็นรูปเมล็ดอัลมอนด์ ซึ่งดูลักษณะมีส่วนคล้ายคลึงกับแมวป่าแอฟริกา อันเป็นต้นกำเนิดของแมวบ้านในปัจจุบัน ที่มาของชื่อแมวสายพันธุ์นี้ไม่ได้มาจากประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งถูกเข้าใจว่าเป็นถิ่นเดิมของแมวสายพันธุ์นี้ แต่เป็นเพราะได้มีรายงานว่าแมวสายพันธุ์นี้ตัวแรก ที่นำมาแสดงในประเทศอังกฤษ ได้มีการนำเข้ามาจากมาจากประเทศเอธิโอเปีย โดยในหนังสือของอังกฤษที่ชื่อว่า Cats, Their Points, and Characteristics... ที่เขียนโดยนาย Gordon Staple ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1874 ได้มีการกล่าวถึงแมวสายพันธุ์นี้เป็นครั้งแรก ในหนังสือมีการแสดงรูปพิมพ์สีของแมวซึ่งมีขนแบบ Ticked Coat และไม่มีลาย Tabby Marking (ลายเสือ) บริเวณขา หน้าและ คอ โดยมีรายละเอียดดังนี้ "Zula สมบัติของ Mrs. Captain Barrett-Lennard. แมวตัวนี้ถูกซื้อจาก Abyssinia ภายหลังสิ้นสุดสงคราม" ซึ่งกองทัพทหารอังกฤษได้ออกจาก Abyssinia ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1868 ซึ่งในช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่แมวซึ่งมีขนแบบ Ticked Coat ได้เข้าไปสู่ประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรกก็ได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดนัก มีนักผสมพันธุ์แมวชาวอังกฤษได้ตั้งข้อสังเกตว่า แมวสายพันธุ์นี้อาจเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวลาย Silver and Brown Tabbies ที่มีอยู่กับแมวดั้งเดิมในอังกฤษที่มีขนแบบ Ticked Coat ก็เป็นได้


ถิ่นฐานดั้งเดิมของแมวชนิดนี้ที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดคือบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในความเป็นจริงแล้วหลักฐานล่าสุดของแมวสายพันธุ์นี้ที่ยังมีอยู่ก็คือแมวสตาฟ์ที่แสดงอยู่ใน Leiden Zoological Museum ในประเทศเนเธอร์แลนด์ แมวสตาฟ์สีแดงขนแบบ Ticked Coat ตัวนี้ได้ถูกซื้อมาในระหว่างปี ค.ศ. 1834-1836 จากร้านขายสัตว์ป่าเล็กๆ โดยมีการทำป้ายแสดงถึงผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ไว้ว่า "Patrie, domestica India" แม้ว่าสายพันธุ์ของ Abyssinian ได้ถูกทำให้บริสุทธิ์ (นิ่ง) ขึ้นในประเทศอังกฤษ แต่สาเหตุการขยายไปสู่ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆ อาจเป็นผลมาจากผู้อพยพและพ่อค้าซึ่งได้หยุดพักที่เมืองท่า Calcutta ในมหาสมุทรอินเดียก็เป็นได้

แมว Abyssinian กลุ่มแรกที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษนั้น ได้มาสู่อเมริกาเหนือในช่วงต้นของปี ค.ศ. 1900 แต่แมวพันธุ์นี้ที่มีคุณภาพจริงๆเพิ่งจะเข้ามาในช่วงปลายปี ค.ศ. 1930 เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้ของอเมริกาในปัจจุบัน ในหนังสือ Kitten Buyer's Guide ซึ่งเขียนโดย Carolyn Osier ได้กล่าวไว้ว่าแมว Abyssinian เป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดที่เคยมีมา อีกทั้งหนังสือคู่มือสำหรับผู้เลี้ยงแมวยังได้บรรยายไว้อีกว่า แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่ชอบคลุกคลีกับคน มันชอบที่จะดูและรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร เหมือนว่าอยากจะช่วย อาจจะไม่มีสายพันธุ์ไหนอีกแล้ว ที่จะมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของได้เท่ากับแมวสายพันธุ์นี้อีกแล้ว ถ้าคุณมีแมวพันธุ์นี้มาเลี้ยงซักตัว คุณจะไม่มีวันที่จะพูดว่าไม่มีใครที่ไม่เข้าใจคุณเลย แมวสายพันธุ์นี้จะมีความสามารถมากในการที่ทำให้คนทำในสิ่งที่มันต้องการให้ หรือเรียกร้องความสนใจนั่นเอง สีของแมวพันธุ์นี้ตามมาตรฐานการประกวดของ CFA Breed Standard : Abyssinian มี 4 สี

RUDDYสีหลักคือสีน้ำตาลแดง แต้มด้วยสีที่เข้มกว่าหรือสีดำ ขนชั้นในสุดสีน้ำตาลอมส้ม หน้าอกท้องและขาด้านในเป็นสีที่ดูกลมกลืนกับสีหลัก ปลายขนบริเวณหางสีดำ จมูกสีแดง อุ้งเท้าสีดำหรือน้ำตาล

REDสีหลักคือสีแดงเข้ม แต้มสีน้ำตาลช็อกโกแลต ขนขั้นในสุดสีแดง หน้าอกท้องและขาด้านในจะต้องเป็นสีที่ดูกลมกลืนกับสีหลัก ปลายขนบริเวณหางสีน้ำตาลช็อกโกแลต จมูกและอุ้งเท้าสีชมพู

BLUEสีหลักคือสีเบจและแต้มสีเทาเข้ม ขนชั้นในสุดสีเบจ หน้าอก ท้อง และขาด้านในต้องเป็นสีที่ดูกลมกลืนกับสีหลัก ปลายขนบริเวณหางสีเทาเข้ม จมูกสีชมพูเข้ม อุ้งเท้าสีม่วงสดหรือสีเทา

FAWNหลักคือสีส้มอมชมพูแต้มสีน้ำตาล ขนชั้นในสุดสีเบจ ปลายขนบริเวณหางสีน้ำตาล หน้าอกท้องและขาด้านในเป็นสีที่ดูกลมกลืนกับสีหลัก จมูกสีส้มอ่อน อุ้งเท้าสีชมพู